วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รายละเอียดการฝึกงานสัปดาห์ที่ 8 ระหว่างวันที่ 3 สิงหาคม - 7 สิงหาคม 2552

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2552 ตัดกระดาษที่จะนำมาทำเป็นหัวกระดาษให้นักเรียนนักศึกษาเขียนรายละเอียดทั้ง 2 แบบ(รายเก่า-รายใหม่)เพื่อนำมาแนบกับสัญญาที่จะให้นักเรียนนักศึกษาเซ็น
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2552 ตัดกระดาษที่จะนำมาทำเป็นหัวกระดาษให้นักเรียนนักศึกษาเขียนรายละเอียดทั้ง 2 แบบ(รายเก่า-รายใหม่)เพื่อนำมาแนบกับสัญญาที่จะให้นักเรียนนักศึกษาเซ็น
วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2552 แยกเอกสารเป็นห้อง ๆ นำมาเช็คความถูกต้องว่านักเรียนนักศึกษาส่งเอกสารและสัญญาครบหรือไม่ ถ้าเอกสารไม่ครบให้โทรตามนักเรียนนักศึกษาให้นำเอกสารมาส่งให้ครบก่อนที่ระบบกยศ.จะปิด
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2552 แยกเอกสารเป็นห้อง ๆ นำมาเช็คความถูกต้องว่านักเรียนนักศึกษาส่งเอกสารและสัญญาครบหรือไม่ ถ้าไม่เอกสารไม่ครบให้โทรตามนักเรียนนักศึกษาให้นำเอกสารมาส่งให้ครบก่อนที่ระบบกยศ.จะปิด
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2552 โรงเรียนพณิชยการสยามได้จัดกิจกรรมตลาดนัดพณิชยการสยามให้นักเรียนนักศึกษานำของมาขาย

รายละเอียดการฝึกงานสัปดาห์ที่ 7 ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 31 กรกฎาคม 2552

วันจันทร์ที่ 27 กรกฏาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาแล้วเข้าสู่ระบบ e-studentloan แล้วทำการกรอกข้อมูลจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาคนนั้นและทำการกรอกรายละเอียดสัญญาเงินกู้ทางอินเทอร์เน็ตตามรายละเอียดเอกสารที่นักเรียนนักศึกษาแนบมาให้ ทำการปริ้นท์สัญญาออกมาจำนวน 2 ฉบับ เข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการยืนยันและปริ้นท์สัญญาออกมาอีก 2 ฉบับ นำมารวมเข้ากับเอกสารที่แนบมาให้ เพื่อรอการคัดแยกห้องอีกครั้ง และรับเอกสารของนักเรียนนักศึกษาที่จะประสงค์ขอกู้ในรอบที่ 2 ที่ระบบทางอินเทอร์เน็ตของทางกยศ.เปิดเป็นครั้งที่ 2
วันอังคารที่ 28 กรกฏาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาแล้วเข้าสู่ระบบ e-studentloan แล้วทำการกรอกข้อมูลจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาคนนั้นและทำการกรอกรายละเอียดสัญญาเงินกู้ทางอินเทอร์เน็ตตามรายละเอียดเอกสารที่นักเรียนนักศึกษาแนบมาให้ ทำการปริ้นท์สัญญาออกมาจำนวน 2 ฉบับ เข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการยืนยันและปริ้นท์สัญญาออกมาอีก 2 ฉบับ นำมารวมเข้ากับเอกสารที่แนบมาให้ เพื่อรอการคัดแยกห้องอีกครั้ง
วันพุธที่ 29 กรกฏาคม 2552 ทำการแจ้งกับนักเรียนนักศึกษาว่าพรุ่งนี้จะรับเอกสารเป็นวันสุดท้ายให้นักเรียนนักศึกษารีบมาส่งเอกสารให้ครบเพราะระบบทางอินเทอร์เน็ตของกยศ.จะทำการปิดระบบที่ทางโรงเรียนจะต้องทำการยื่นแบบในรอบ 2 วันพรุ่งนี้ รับเอกสารเงินกู้และทำการตรวจเช็คเอกสารเพื่อทำการกรอกข้อมูลจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษา และทำการปริ้นท์สัญญาจำนวน 2 ฉบับ และเข้าสู่ระบบผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการยืนยันและทำการปริ้นท์สัญญาออกมาอีก 2 ฉบับ นำมารวบรวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษาแนบมาให้ เพื่อรอการคัดแยกเอกสารเป็นห้อง ๆ อีกครั้ง
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฏาคม 2552 หัวหน้าฝ่ายเงินกู้กำหนดวันเซ็นสัญญาเงินกู้เป็นจำนวน 2 รอบคือวันที่ 10 และ 16 สิงหาคม 2552 เพื่อให้ผู้ปกครองบางคนที่ทำงานในวันจันทร์ถึงศุกร์สามารถมาเซ็นสัญญาในวันอาทิตย์ได้ ทำการตัดกระดาษที่จะนำมาทำเป็นหัวกระดาษเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาที่เป็นทั้งรายเก่ารายใหม่กรอกรายละเอียด
วันศุกร์ที่ 31 กรกฏาคม 2552 ทำการตัดกระดาษที่จะนำมาทำเป็นหัวกระดาษเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาที่เป็นทั้งรายเก่ารายใหม่กรอกรายละเอียด

รายละเอียดการฝึกงานสัปดาห์ที่ 6 ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม - 24 กรกฎาคม 2552

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้เรียนของนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่ได้ส่ง ทำการปริ้นท์สัญญาของนักเรียนนักศึกษาและเข้าสู่ระบบของผู้อำนวยการเพื่อทำการประกาศรายชื่อ และเข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการกรอกจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 และปริ้นท์สัญญาอีกฉบับออกมาเพื่อนำมาให้นักเรียนนักศึกษาเซ็นและนำเอกสารที่ปรื้นท์ออกมารวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษานำมาให้ รับโทรศัพท์เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับเงินกู้ที่ผู้ปกครองโทรมาสอบถาม
วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาที่ล่าช้า กรอกรายละเอียดและทำการปริ้นท์สัญญา 2 ใบแรกออกมาก่อน และเข้าสู่ระบบของผู้อำนวยการเพื่อทำการประกาศรายชื่อและเข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการกรอกจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 รวมถึงค่ากิจกรรม และทำการปริ้นท์สัญญาอีกฉบับออกมาเป็น 2 ใบเพื่อนำมาให้นักเรียนนักศึกษาเซ็นในวันที่นัดเซ็นสัญญา และนำเอกสารที่ปริ้นท์ออกมารวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษานำมาให้ นำเอกสารเก็บรวมรวมไว้เพื่อรอการคัดแยก
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาที่ล่าช้า กรอกรายละเอียดและทำการปริ้นท์สัญญา 2 ใบแรกออกมาก่อน และเข้าสู่ระบบของผู้อำนวยการเพื่อทำการประกาศรายชื่อและเข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการกรอกจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 รวมถึงค่ากิจกรรม และทำการปริ้นท์สัญญาอีกฉบับออกมาเป็น 2 ใบเพื่อนำมาให้นักเรียนนักศึกษาเซ็นในวันที่นัดเซ็นสัญญา และนำเอกสารที่ปริ้นท์ออกมารวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษานำมาให้ นำเอกสารเก็บรวมรวมไว้เพื่อรอการคัดแยก
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาที่ล่าช้า กรอกรายละเอียดและทำการปริ้นท์สัญญา 2 ใบแรกออกมาก่อน และเข้าสู่ระบบของผู้อำนวยการเพื่อทำการประกาศรายชื่อและเข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการกรอกจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 รวมถึงค่ากิจกรรม และทำการปริ้นท์สัญญาอีกฉบับออกมาเป็น 2 ใบเพื่อนำมาให้นักเรียนนักศึกษาเซ็นในวันที่นัดเซ็นสัญญา และนำเอกสารที่ปริ้นท์ออกมารวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษานำมาให้ นำเอกสารเก็บรวมรวมไว้เพื่อรอการคัดแยก
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาที่ล่าช้า กรอกรายละเอียดและทำการปริ้นท์สัญญา 2 ใบแรกออกมาก่อน และเข้าสู่ระบบของผู้อำนวยการเพื่อทำการประกาศรายชื่อและเข้าสู่ระบบของผู้ปฏิบัติการเพื่อทำการกรอกจำนวนเงินค่าเทอมของนักเรียนนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 รวมถึงค่ากิจกรรม และทำการปริ้นท์สัญญาอีกฉบับออกมาเป็น 2 ใบเพื่อนำมาให้นักเรียนนักศึกษาเซ็นในวันที่นัดเซ็นสัญญา และนำเอกสารที่ปริ้นท์ออกมารวมเข้ากับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษานำมาให้ นำเอกสารเก็บรวมรวมไว้เพื่อรอการคัดแยก

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รายละเอียดการฝึกงานสัปดาห์ที่ 5 ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม - 17 กรกฎาคม 2552

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้จากนักเรียนนักศึกษาและทำการบันทึกเอกสารผ่านทางเว็บไซต์ของกยศ.และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและสมุดบัญชีว่ายังใช้ได้หรือไม่ และปริ้นท์เอกสารสัญญาออกมาจำนวน 2 ชุด(หน้า-หลัง) นำมาเข้ารวบรวมเข้ากับเอกสารชุดที่นักเรียนนักศึกษาส่งมา
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้จากนักเรียนนักศึกษาและทำการบันทึกเอกสารผ่านทางเว็บไซต์ของกยศ.และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและสมุดบัญชีว่าใช้ได้หรือไม่ ถ้าเอกสารไม่ถูกต้องให้นักเรียนนำกลับไปและนำมาให้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น หากนักเรียนคนใดยังไม่มีสมุดบัญชีให้นำเอกสารของทางโรงเรียนไปทำการเปิดบัญชีของธนาคารกรุงไทยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และปริ้นท์สัญญาเงินกู้ออกมาจำนวน 2 ฉบับและนำมารวมกับเอกสารที่นักเรียนนำมาส่ง
วันพุธที่ 15 กรกฏาคม 2552 นำเอกสารที่ได้รับมาทำการตรวจเช็คว่านักเรียนนักศึกษาคนใดบ้างยังไม่นำเอกสารมาส่งเพื่อจะดำเนินการติดตามให้นักเรียนนักศึกษานำเอกสารมาส่ง และแยกเอกสารเป็นระดับปวช - ปวส รายเก่า รายใหม่ และแยกกลุ่มเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้จากนักเรียนนักศึกษาทำการบันทึกเอกสารผ่านทางเว็บไซต์ของกยศ.และตรวจสอบความถูกต้องเอกสารและสมุดบัญชี ปริ้นท์เอกสารออกมาจำนวน 2 ชุดและนำไปรวมกับเอกสารที่นักเรียนส่งมา ตรวจเช็คว่าได้ทำการส่งแล้ว และนำเอกสารแยกเป็นระดับชั้นตามที่ได้ทำการแยกไว้
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ที่นักเรียนนักศึกษาส่งมาทำการบันทึกเอกสารผ่านทางเว็บไซต์ของกยศ. ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและสมุดบัญชี ปริ้นท์เอกสารจำนวน 2 ชุดนำไปรวมกับเอกสารที่ส่งมา ตรวจเช็คว่าส่งเรียบร้อยแล้ว และนำไปแยกเข้ากองที่แยกไว้แล้ว เวลา 15.00 น. เข้ารับการอบรมเรื่อง "ชีวิตกับการทำงาน" บรรยายโดยอาจารย์อมรเทพ หวังเทพ ณ อาคารอาจารย์ประเสริฐ - อาจารย์สงุ่น เทพพิทักษ์ ชั้น 4 จนถึงเวลา 16.30 น.

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 4 วันที่ 6 กรกฎาคม 2552 - 10 กรกฎาคม 2552

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2552 ..................วันหยุดราชการ..................
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม 2552 ..................วันหยุดราชการ.................
วันพุธที่ 8 กรกฏาคม 2552 ...................วันหยุดราชการ................
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2552 กรอกรายละเอียดจำนวนเงินค่าเทอมและค่ากิจกรรมใส่เอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาเพื่อทำการบันทึกและยืนยันกับทางกยศ.ทางอินเทอร์เน็ตและปริ้นท์สัญญาออกมาจำนวน 2 ชุดเพื่อจัดเข้ารวมกับเอกสารที่นักเรียนนักศึกษายื่นมาเพื่อรอทำสัญญาตามวันเวลาที่กำหนด
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2552 กรอกรายละเอียดจำนวนเงินค่าเทอมและค่ากิจกรรมใส่ในแบบฟอร์มเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาทั้งรายเก่าและรายใหม่เพื่อทำการบันทึกและยืนยันกับทางกยศ.ทางอินเทอร์เน็ตและปริ้นท์สัญญาออกมาจำนวน 2 ชุด เวลา 15.00น.เข้ารับการอบรมในหัวข้อ "ศิลปะแห่งการให้บริการ"ที่อาคารอาจารย์ประเสริฐ-อาจารย์สงุ่น เทพพิทักษ์ ชั้น 4 จนถึงเวลา 16.30 น.

สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 29 มิถุนายน 2552 - 3 กรกฎาคม 2552

จันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาและทำการตรวจสอบทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเช็ครหัสผ่านว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้ารหัสผ่านไม่ถูกต้องก็ถามว่ารหัสของนักเรียนนักศึกษาคืออะไรเพราะว่าถ้าเป็นรหัสที่ทางโรงเรียนจัดตั้งให้จะเป็นเลขท้าย 6 ตัวหลังบัตรประชาชน ถ้านักเรียนนักศึกษาจำไม่ได้ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของทาง กยศ.ไปเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาทำการติดต่อสอบถามเพื่อขอรหัสผ่านของตนและนำมาบอกเพื่อจะได้ดำเนินการกรอกรายละเอียดของนักเรียนนักศึกษาคนนั้นได้เพราะการกรอกรายละเอียดทางอินเทอร์เน็ตนั้นต้องมีรหัสผ่านถึงจะเข้าสู่ระบบได้
อังคารที่ 30 มิถุนายน 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาและทำการตรวจสอบทางอินเทอร์เน็ตเพื่อเช็ครหัสผ่าน และให้เอกสารเพื่อนำไปเปิดบัญชีของทางธนาคารกรุงไทยโดยเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สำหรับผู้กู้รายใหม่
พุธที่ 1 กรกฏาคม 2552 กรอกจำนวนเงินของผู้กู้รายเก่าผ่านทางเว็บไซต์ของทางกยศ.
พฤหัสบดีที่ 2 กรกฏาคม 2552 รับเอกสารของนักเรียนนักศึกษา ตอบคำถามของผู้ปกครองที่มาสอบถามรายละเอียดของเงินกู้
ศุกร์ที่ 3 กรกฏาคม 2552 รับเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาและกรอกรายละเอียดจำนวนเงินของผู้กู้รายเก่าผ่านทางเว็บไซต์ของทางกยศ.และปริ้นท์ใบสัญญาออกมาเพื่อรอดำเนินการให้นักเรียนนักศึกษาซึ่งเป็นผู้กู้รายเก่ามาดำเนินการเซ็น

รายละเอียดการฝึกงานสัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 มิถุนายน - 26 มิถุนายน 2552

จันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2552 รับเอกสารจากนักเรียนนักศึกษาและทำการตรวจสอบรายละเอียดของเอกสารของนักเรียนนักศึกษาที่นำมาส่งและทำการคัดแยกปวช.ปวส.
อังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 รับเอกสารจากนักเรียนนักศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดของเอกสาร ปริ้นท์รายชื่อของนักเรียนนักศึกษาที่เป็นผู้กู้รายเก่าและนำมาลงรายละเอียดของนักเรียนนักศึกษาว่าอยู่กลุ่มเรียนใด สาขาใด รอบใด
พุธที่ 24 มิถุนายน 2552 รับเอกสารจากนักเรียนนักศึกษาทำการตรวจสอบรายละเอียดของเอกสารรวมทั้งตอบคำถามเกี่ยวกับเงินกู้ที่นักเรียนนักศึกษาและผู้ปกครองมาสอบถาม รับโทรศัพท์ตอบคำถามเกี่ยวกับเงินกู้เมื่อผู้ปกครองโทรมาสอบถาม
พฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2552 จัดแยกเอกสารเข้าแฟ้ม และนำเอกสารชุดที่ 2 มาทำการกรอกชื่อกลุ่มเรียน สาขาและนำมาคัดแยกเอกสารเป็น 2 ระดับ และนำมาจัดกลุ่มแยกเอกสารเพื่อสะดวกในการค้นหา
ศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2552 รับเอกสารจากนักเรียนนักศึกษา และให้นักเรียนนักศึกษาที่เป็นผู้กู้รายเก่านำเอกสารหน้าบัญชีธนาคารกรุงไทยมาให้ รับโทรศัพท์จากผู้ปกครองตอบคำถามเกี่ยวกับเงินกู้ว่าเงินจะเข้าได้เมื่อไร

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รายละเอียดการฝึกงานประจำวันที่ 15 - 19 มิถุนายน 2552

จันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2552 รับเอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ที่นักเรียนนักศึกษานำมายื่นให้ ,จัดเรียงเอกสารแยกหมวดหมู่ของเอกสารเงินกู้ตามระดับการเรียนทั้ง 2 ระดับ รอบเวลาเรียน สาขาวิชาเรียน ,ตอบคำถามนักเรียนนักศึกษาที่มาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเตรียมเอกสารเงินกู้อีกชุด
อังคารที่ 16 มิถุนายน 2552 รับเอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ที่นักเรียนนักศึกษานำมายื่นให้พร้อมทั้งตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของเอกสารว่าถูกต้องหรือไม่ ,จัดหาข้อมูลห้องเรียนของนักเรียนนักศึกษาทางฐานข้อมูลของทางโรงเรียนแล้วนำมาเขียนที่ห้วกระดาษเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาเพื่อสะดวกต่อการค้นหา
พุธที่ 17 มิถุนายน 2552 รับเอกสารนักเรียนนักศึกษาที่มาขอกู้และตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดเงินกู้และจัดหาข้อมูลห้องเรียนของนักเรียนนักศึกษาทางฐานข้อมูลของทางโรงเรียนแล้วเขียนที่หัวกระดาษเอกสารเงินกู้ของนักเรียนนักศึกษาเพื่อสะดวกในการค้นหา
พฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2552 รับเอกสารนักเรียนนักศึกษาที่มาขอกู้และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเอกสารฉบับต่อไปและจัดแยกเอกสารเป็นระดับต่าง ๆทั้งปวช. - ปวส. และแยกห้องเรียน รวมถึงรวบรวมเอกสารเก็บเข้าแฟ้มเอกสาร
ศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2552 รับเอกสารนักเรียนนักศึกษาที่มาขอกู้และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งเอกสารฉบับต่อไป รวมถึงให้นักเรียนกรอกเอกสารให้ครบถ้วนเพราะเอกสารของนักเรียนนักศึกษาบางคนกรอกเอกสารไม่ครบต้องให้นักเรียนนักศึกษาไปดำเนินการให้ผู้ค้ำประกันและอาจารย์ที่ปรึกษาเซ็นให้เรียบร้อย

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

ประวัติส่วนตัว

ชื่อจริงนามสกุลจริง นงนุช ทับเทียมสุข
namesurname nongnuch tubtiemsuk
ชื่อเล่น ปู
nickname pu
เกิดวันที่ 7 สิงหาคม 2526
เบอร์โทร 0835546225
e-mail: pu2cat@hotmail.com
punongnuch@gmail.com
สถานะภาพ โสด
อายุ 26ปี
ที่อยู่ปัจจุบัน 73 ซอยสะพานยาว ถนนจรัญสนิทวงศ์ 70/2 แขวงและเขตบางพลัด กทม 10700
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน 81 ซอยสะพานยาว ถนนจรัญสนิทวงศ์ 70/2 แขวงและเขตบางพลัด กทม 10700
บิดาชื่อนายวัลลภ ทับเทียมสุข อาชีพ รัฐวิสาหกิจ
มารดาชื่อนางวิจิตรา ทับเทียมสุข อาชีพ รับราชการ
จำนวนพี่น้อง เป็นบุตรคนเดียว
การศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนสตรีบูรณวิทย์
มัธยมศึกษา โรงเรียนสตรีบูรณวิทย์
ปวช. โรงเรียนโยนออฟอาร์คเทคโนโลยี สาขาการบัญชี
ปวส. โรงเรียนพณิชยการสยาม สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ปัจจุบันศึกษา ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ปริญญาตรี 2ปีต่อเนื่อง
ประวัติการทำงาน ยังไม่มีงานประจำ
ประวัติการฝึกงาน ปวช. บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
ปวส. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
อาหารที่ชอบ ข้าวผัด ,ผัดมาม่า
สัตว์เลี้ยงแสนรักชื่อ นมเปรี้ยว นมสด คาร์ฟูร์ โลตัส (น้องแมว)
สัตว์ที่ชอบ น้องเหมียว น้องหมา น้องปลา
สัตว์ที่เกลียด snake
สีโปรด ฟ้า
ผลไม้โปรด เงาะ
ผลไม้ที่่ไม่โปรด ทุเรียน
คติ ถ้าเมื่อวานพลาด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ขั้นตอนการทำ Web Blog

Blogมาจากคำว่า WeBlogบางคนอ่านคำๆนี้ว่า We Blogบางคนอ่านว่า Web Logแต่ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน คือบล็อก (Blog)
ความหมายของ Blogคือการบันทึกบทความของตนเอง(Personal Journal)ลงบนเว็บไซต์โดยเนื้อหาของ blogนั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อกจะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะเช่นกลุ่มเพื่อนๆหรือครอบครัวตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้นเพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภทตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือเนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้สามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ มากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจ
จุดเด่นของ Blogคือสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้นๆผ่านระบบcommentของบล็อกในอดีตเริ่มคนที่เขียน Blogนั้นยังทำกันในระบบ Manualคือเขียนเว็บเองทีละหน้า ในปัจจุบันมีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blogได้มาก เช่น WordPress, Movable Typeเป็นต้น ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกหันมาเขียน Blogกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียนตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นNasDaqสองสามปีที่ผ่านมา Blogเริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลายๆแห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำจวบจนกระทั่งปี 2004คนเขียน Blogได้รับการยอมรับจากสื่อสำนักข่าวถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่การเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวการประชุมระดับชาติและจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blogเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ,สิ่งพิมพ์ ,โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
วิธีการสร้างบล็อก(สมุดบันทึก)ใหม่
ต้องเตรียมเรื่องที่ต้องการบันทึกไว้ก่อนแล้วให้เข้าใช้ระบบ http://gotoknow.orgจากนั้น ทำตามขั้นตอนดังนี้
1.คลิก--แผงควบคุม
2.คลิก--สร้างบล็อกใหม่
3.ใส่ที่อยู่ link เป็นภาษาอังกฤษปนเลข9ตัวติดกันไม่เคาะ
4.ใส่ชื่อบล็อกที่ต้องการ เช่น ธุรการก้าวหน้า
5.รายละเอียด:ใส่ข้อความที่เกี่ยวกับบล็อกของเราสัก 1-2ประโยค
6.ป้าย:ใส่คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบล็อกนี้
7.คลิก--สร้าง
8.คลิก--แผงควบคุมจะพบบล็อกที่สร้างใหม่ ซึ่งรหัสผู้ใช้ชุดนี้สามารถสร้าง blogได้ไม่จำกัดจำนวนการที่จะมี blogได้นั้นควรจะรู้จักก่อนว่าการทำblog มีผู้ให้บริการให้สามารถสร้าง blogได้หลายรูปแบบ
1.ผู้ให้บริการ Blog(Blog Provider)หากไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำเว็บหรือไม่รู้จักblogมาก่อนก็สามารถมี blogเป็นของตัวเองได้ง่ายโดยผู้ให้บริการ blogจะมีการเตรียมระบบรองรับให้เรียบร้อยแล้วโดยสิ่งที่ผู้ให้บริการ blogเตรียมให้คือ
-ชื่อโดเมนที่ใช้เป็นที่อยู่ของ blogเราโดยส่วนใหญ่จะเป็นชื่อแบบ sub domainคือเป็นชื่อในรูปแบบ myname.blogprovider.com เป็นต้นโดยคำว่าmynameนั้นก็จะแทนที่ด้วยชื่อที่เราเลือกไว้ ส่วนตรงblogprovider.com นั้นก็คือชื่อโดเมนของผู้ให้บริการ blog
-ระบบ blog managementสิ่งต่อมาที่ผู้ให้บริการ blogเตรียมไว้ให้คือโปรแกรมการupdate blogต่าง ๆ ไม่ต้องเขียนโปรแกรมการ update blogด้วยตัวเองแต่ทางผู้ให้บริการจะมีระบบนี้เตรียมไว้ให้เราเลยรวมทั้งพวกเทมเพลทหรือรูปแบบดีไซน์ของ blog ที่เตรียมไว้ให้เราใช้ได้เลยไม่เสียเวลาออกแบบ
-พื้นที่เก็บ Blogจำนวนพื้นที่ที่ผู้ให้บริการเตรียมไว้ให้นั้นมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละรายเรื่องค่าใช้จ่ายของการ ทำ blogกับผู้ให้บริการ blogนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการบางแห่งฟรีบางแห่งเก็บค่าบริการรายเดือนผู้ให้บริการเหล่านี้ก็มีเช่น Blogger.com,LiveJournal.com,TypePad.com หากเป็นของไทย ก็ไปที่ BlogRevoหรือ exteen.comดูได้
2. ใช้ Blog Software ติดตั้งใช้เองการใช้ Blog Softwareมาติดตั้งใช้เองนั้นต้องการความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม หรือติดตั้งโปรแกรมบ้าง แถมต้องมีพื้นฐานทางด้านการทำเว็บอีกด้วยเพราะเราอาจต้องทำการติดตั้ง หรือปรับแต่งดีไซน์ด้วยตัวเอง โดยข้อดีของการใช้ Bog Softwareมาติดตั้งเองคือ สามารถควบคุมการใช้บล็อกได้เอง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เขียนบล็อก ก็มีได้มากตามที่ต้องการหรือตามขนาดพื้นที่ของweb hostingที่เช่าใช้อยู่หากเราต้องการใช้ Blog Softwareจะต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ล่วงหน้าแล้ว นั่นคือ
- ชื่อโดเมนเนม อาจจะเป็นชื่อโดเมนที่เราจดทะเบียนโดเมนเนมไว้หรือใช้ sub domainจากเว็บที่มีอยู่แล้วหากยังไม่เคยมีเว็บมาก่อน ก็ต้องจดทะเบียนโดเมนเนมเป็นของตัวเองก่อน
- พื้นที่เว็บโฮสติ้ง ต้องเช่าพื้นที่เว็บโฮสติ้งไว้ให้พร้อม โดยดูให้ตรงกับความต้องการของโปรแกรม blog softwareที่จะใช้ เช่น php, cgi หรือ asp
- โปรแกรม Blog Software โปรแกรมเหล่านี้มีทั้งแบบเสียสตางค์ซื้อมาเช่น MovableTypeหรือบางโปรแกรมก็ให้ใช้ได้ฟรี เช่น WordPress เป็นต้น
1. ใส่ใจกับรูปแบบดีไซน์ของ blog
สำหรับบล็อกชั้นนำของโลกต่างก็ไม่ได้ใช้ templateแจกฟรีที่มีกันทั่วไปแต่บล็อกชั้นนำเหล่านี้ต่างก็ออกแบบดีไซน์ของบล็อกขึ้นมาเองทั้งหมด ทำให้บล็อกนั้นดูมีความแตกต่าง และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
2. ใส่ใจกับเนื้อหาของบล็อก
ก่อนที่จะสร้างบล็อกขึ้นมาซักแห่งหนึ่งลองวางแนวทางของเนื้อหาในบล็อกดูก่อนว่าต้องการจะนำเสนอบทความรูปแบบไหนจะมีวิธีนำเสนอไปในทางใดสิ่งเหล่านี้จะทำให้ไม่หลุดประเด็น จากที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเช่นบล็อกของ keng.com ต้องการจะเป็น บล็อกที่นำเสนอข้อมูลด้านการทำบล็อก ดังนั้นผมวางแนวทางไว้ว่า ต้องมีข่าวสารวงการบล็อกทั่วโลก มาให้ผู้อ่านได้อ่านกันและต้องมีเทคนิคการทำบล็อกสำหรับมือใหม่ เช่นบทความเรื่อง “blog คืออะไร?”และมีเทคนิคสำหรับขั้นผู้เชี่ยวชาญเช่นการใส่ Tagหรือการ Ping ไปยัง blog search engine เช่นตัวอย่างบทความ ที่ผมเขียนขึ้นมาเหล่านี้ เป็นแนวทาง ในการกำหนดทิศทางของบล็อก
3. ใส่ใจผู้อ่าน มากกว่าใส่ใจตัวเอง
เนื้อหาของบล็อกเป็นสิ่งที่ผุ้อ่านใส่ใจใคร่รู้ไม่ใช่ป้ายโฆษณาที่วางระเกะระกะในเว็บไซต์แต่อย่างใด ดังนั้นการจัดรูปแบบโฆษณาต้องคำนึงถึงจิตใจผู้อ่านด้วย ว่าถ้าเป็นเราเองไปอ่านบล็อกคนอื่นแล้วมีโฆษณามาเกะกะในตัวบทความ ชอบหรือไม่โดยทั่วไปแล้ว ถ้าบทความเขียนได้ดีผู้อ่านก็จะมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกและอาจมีผู้อ่านมากขึ้นทุกๆวันหลังจากนั้นแล้ว รายได้จากค่าโฆษณาจะตามมาเอง โดยที่เราไม่ต้องไปใส่โฆษณา แทรกลงไปในตัวบทความอีกด้วย
4. ใส่ใจ comment ที่มีเข้ามา
บล็อกสามารถใช้ประโยชน์ของการสื่อสาร ได้ด้วยระบบ commentในตัวเองซึ่งโปรแกรมสร้างบล็อก(ฺBlogware) ส่วนใหญ่ มีระบบ commentติดมาให้ด้วยใช้ระบบนี้ให้เกิดประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน comment การตอบcommentต่าง ๆ บางครั้งอาจได้ประโยชน์จากการดึงประเด็นเด็ด ๆ จาก commentมาใช้เขียนบทความ ดังนั้นทุกๆวันควรจะตรวจสอบว่ามี commentใดเข้ามาบ้าง เพื่อที่จะได้ตอบได้ทันท่วงที เมื่อตอบได้เร็วผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมในการสื่อสาร ทั้งสองฝ่ายก็แฮปปี้ครับ และจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราตรวจสอบ comment ทุกวัน เราสามารถลบพวก spam comment ออกได้อย่างทันควัน
5. ใส่ใจในมาตรฐานของเว็บไซต์
ไม่มีใครรู้ว่าบล็อกของเราจะมีคนเข้ามาอ่านมากแค่ไหน บางครั้งเราอาจต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์หรือบางครั้งเราอาจต้องมีการปรับแต่งดีไซน์ เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างไม่คาดฝันลองมองไปถึง การดีไซน์บล็อกด้วยมาตรฐานของเว็บไซต์ (Web Standard) ซึ่งจะสามารถทำให้บล็อกของคุณ แสดงผลได้ดีในทุก ๆ browser และลองพยายามใช้ css ในทุก ๆ ส่วนที่คุณทำได้ เพราะตัว css นี้มีความยืดหยุ่นสูง ถ้าเราต้องมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ต่าง ๆ จะได้ปรับเฉพาะแค่ไฟล์ cssแทนที่จะไปแก้ html ในแต่ละหน้า ลองนึกดูครับว่า ถ้าวันใดที่คุณมีบทความประมาณ 1,000บทความ แต่ต้องมานั่งแก้สีของกรอบรูปภาพ ที่คุณเคยเขียนโค๊ดใส่ border เข้าไปที่โค๊ดของรูปภาพโดยตรง แทนที่จะแก้ไขที่ไฟล์ css แค่บรรทัดเดียว
6. จัดตารางเวลาในการเขียนให้เหมาะสม
ตอนเริ่มเขียนบล็อกอาจใช้เวลาไม่มากในการเขียนบทความแต่เมื่อเขียนมากขึ้นเรื่อยๆจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี แน่นอนว่าคงต้องมีการกระทบกับเวลาการทำงานอื่นๆของคุณเช่นกันดังนั้นลองจัดสรรเวลาสำหรับเขียนบล็อก ใช้เวลาในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน เขียนบทความสักหนึ่งตอน หรือจะเขียนบทความในช่วงดึก ๆ ก่อนนอนก็ได้ตรงนี้แล้วแต่คนว่าคุณสะดวกแบบไหน หรือมีเวลาว่างในตอนอื่น ๆ ลองปรับให้เหมาะสมกับตัวเอง
7. ใส่ใจเรื่องขนาดของภาพประกอบบทความ
ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งฉันท์ใดบล็อกย่อมงามเพราะดีไซน์และภาพประกอบลองทำความรู้จักกับรูปแบบของไฟล์ภาพชนิดต่าง ๆ เช่นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .gif นั้นสามารถแสดงผลได้สูงสุด 256 สี แต่ไฟล์ภาพที่เป็นนามสกุล .jpg นั้นสามารถแสดงผลได้สูงสุด 16 ล้านสี ดังนั้นการเลือกที่จะเซฟภาพเป็นไฟล์นามสกุลอะไรนั้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกชนิดไฟล์ผิด ภาพที่ออกมาจะไม่สวยไฟล์อาจมีขนาดใหญ่ผิดปกติจะเป็นสิ่งทกินทรัพยากรของระบบ และบล็อกของคุณมากขึ้นไปอีกเพราะถ้ามีผู้อ่านเยอะ ต้องรอโหลดภาพที่ใหญ่ผิดปกติผู้อ่านอาจจะเลิกรอเลยแนะนำวิธีง่ายๆในการเซฟภาพดังนี้หากเป็นภาพถ่าย แนะนำให้ใช้เป็น jpgส่วนถ้าเป็นไฟล์โลโก้ หรือภาพที่มีจำนวนสีน้อย ๆ ลองดูเป็น gif

ขั้นตอนเมื่อไปฝึกงานและการไปสมัครงาน

การจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนทางด้านอาชีวศึกษาสิ่งที่สำคัญคือการฝึกงานที่จะได้ประสบการณ์ตรงจากอาชีพที่ทำ และพิสูจน์ว่าความรู้ที่เรียนมาในแต่ละสาขาวิชา สาขางานนั้นสอดคล้องกับอาชีพจริงหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กำหนดให้ใช้หลักสูตรใหม่ ทั้งระดับ ปวช.และปวสในระยะแรกให้นำรายวิชาไปฝึกงานอย่างน้อย 1ภาคเรียนในสถานประกอบการหรือแหล่งวิทยาการ ซึ่งต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยน(หนังสือ ศธ 0606/976ลงวันที่ 30มีนาคม 2549)ว่า หากสถานศึกษาใดไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้นำรายวิชา การฝึกงานไปจัดแทนรายวิชา ไม่ว่าจะจัดการฝึกงาน รูปแบบใดทั้งโดยนำรายวิชาต่าง ๆ หรือวิชาการฝึกงานเป็นการสร้างทักษะที่จะได้ปฏิบัติงานจริงในวิชาชีพนั้น ๆ ข้อพึงปฏิบัติที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ทั้งตัวนักเรียน/นักศึกษาผู้ปกครอง,สถานศึกษา,สถานประกอบการและครูฝึก/ผู้ควบคุมการฝึกงานจะต้องช่วยกันนำมาพิจารณาร่วมกัน ได้แก่
1.การปฐมนิเทศ ควรแจ้งให้ผู้ปกครองและนักเรียน/นักศึกษาทราบ ตั้งแต่ในวันปฐมนิเทศว่า นักเรียน/นักศึกษาจะมีการฝึกงาน หากสามารถระบุภาคเรียนหรือระดับชั้นได้ก็ควรรีบแจ้ง ลักษณะการฝึกงานเป็นอย่างไร ต้องมีการทำงานจริง เพื่อผู้ปกครองจะเข้าใจเมื่อถึงช่วงเวลานั้น นักเรียน/นักศึกษาออกจากบ้านมาแล้วไปไหน อย่างน้อยถ้าผู้ปกครองได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น จะเป็นการช่วยหาสถานประกอบการที่เหมาะสมให้กับนักเรียน/นักศึกษาหรือเป็นเครือข่ายในการเสาะหาสถานประกอบการ เพราะผู้ปกครองจะต้องหาสถานประกอบการที่เหมาะสมที่สุดให้กับบุตรหลานของตนเอง
2.ครูประจำแผนกวิชาหรือแต่ละรายวิชา จะต้องช่วยกันเป็นกระบอกเสียงช่วยแจ้งเตือนให้นักเรียน/นักศึกษาทราบอีกครั้งว่า จะมีการฝึกงานช่วงใด ระดับชั้นใด เพื่อให้นักเรียน/นักศึกษาได้ตระหนักถึงการเตรียมตัวเพื่อหาสถานประกอบการที่เหมาะสมกับนักเรียน/นักศึกษาเอง ขณะเดียวกันคงจะต้องมีการเรียนการสอนที่สอดแทรกพฤติกรรมหรือการปฏิบัติตนในสำนักงาน/หน่วยงาน การปฏิบัติงานและปฏิบัติตนร่วมกับผู้อื่น มารยาทที่พึงปฏิบัติ
3.ข้อมูลสถานประกอบการ สถานศึกษาต้องมีข้อมูลเบื้องต้นแจ้งให้กับนักเรียน/นักศึกษาว่า มีหน่วยงาน/บริษัท/สถานประกอบการที่รับนักเรียน/นักศึกษาฝึกงานโดยเฉพาะในแผนกวิชาจะเป็นแหล่งข้อมูลเพราะว่า หน่วยงานที่รับนักเรียน/นักศึกษาเข้าฝึกงานส่วนใหญ่จะเคยรับฝึกงานอยู่แล้ว และจะแจ้งความประสงค์ให้กับครูนิเทศทราบว่าในครั้งต่อไปต้องการ นักเรียน/นักศึกษากี่คน และลักษณะงานจะเป็นอย่างไรข้อมูลคงจะต้องบอกและชี้ให้ชัดเจนว่าลักษณะหน่วยงานนั้นมีงานที่ค่อนข้างตรงกับสาขาวิชา พร้อมสถานที่ตั้งและเบอร์โทรศัพท์ สถานฝึกงานควรไม่ไกลและสะดวกในการเดินทางของนักเรียน/นักศึกษา เพื่อลดปัญหาในการนิเทศ หรือหากสถานประกอบการที่อยู่ไกลแต่มีการติดต่อนักเรียน/นักศึกษา เป็นประจำและเคยช่วยเหลือทางสถานศึกษาโดยเฉพาะประเภทวิชาอุตหกรรม ประเภทวิชาเกษตรกรรม บางสาขาวิชาหรือบางสาขางาน ควรจะต้องสอบถามความสมัครใจและความพร้อมของนักเรียน/นักศึกษานอกจากนี้ข้อมูลสถานที่ฝึกงานจากรุ่นพี่ก็จะอีกทางหนึ่งที่จะให้ข้อมูลที่แท้จริงได้
4.การเตรียมตัวก่อนเข้าพบสถานประกอบการ กรณีนักเรียน/นักศึกษา หาสถานประกอบการเองเมื่อได้ชื่อสถานประกอบการเป้าหมายแล้ว ต้องดูว่าจะไปกันกี่คนถ้าจำนวนมากเกินไปสถานประกอบการคงรับไม่ได้ จำนวนที่เหมาะสมประมาณ 2–3 คน ซึ่งคงเตรียมการถูกสัมภาษณ์เบื้องต้นที่นักเรียน/นักศึกษาจะให้ข้อมูลแก่สถานประกอบการว่าจะฝึกงานช่วงใด นักเรียน/นักศึกษาแผนกวิชา ระดับชั้น ระยะเวลาในการฝึกงาน กรณีที่นำรายวิชาไปฝึกจะต้องบอกรายวิชาให้ทราบด้วย มาจากสถานศึกษาพร้อมเบอร์โทรศัพท์
การแต่งกาย สวมชุดเครื่องแบบนักเรียน/นักศึกษาประจำสถานศึกษานั้น ๆ ให้เรียบร้อยควรจะบอกกล่าวนักเรียน/นักศึกษา ทราบว่าการไปสถานประกอบการถือว่าเป็นการทดลองสัมภาษณ์งานเบื้องต้น การจะนำเสนออย่างไรให้หน่วยงานนั้น ๆ ประทับใจในครั้งแรกที่พบปะ บางครั้งการไปหาสถานประกอบการนักเรียน/นักศึกษา แต่งกายโดยมีเครื่องประดับก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำ หรือนักเรียน/นักศึกษาชายมักจะไว้ผลยาวมากตามสมัยนิยมและเทรนด์ของ Fashion ยุคนั้น ๆ การสัมภาษณ์เบื้องต้นที่นักเรียน/นักศึกษาจะต้องไปนำเสนอให้สถานประกอบการทราบข้อมูลอะไรบ้างจำนวนนักเรียน/นักศึกษา การหาสถานประกอบการนักเรียน/นักศึกษามักจะไปจำนวนมากเกินกว่าที่สถานประกอบการจะรับได้ยกเว้นบางสาขาวิชาที่ต้องการนักเรียน/นักศึกษาที่จะไปฝึกงาน ไม่ใช่เป็นการแจ้งชื่อให้ทราบโดยที่ไม่เคยพบปะกับสถานประกอบการมาก่อนและสถานประกอบการควรจะต้องปฏิเสธถ้าไม่สามารถรับนักเรียน/นักศึกษาได้
5.เอกสารต่างๆ ในการเตรียมสำหรับการฝึกงาน นักเรียน/นักศึกษาต้องแจ้งข้อมูลให้งานที่รับผิดชอบทราบเพื่อสถานศึกษาจะได้ทำหนังสือแจ้งสถานประกอบการทราบและยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ข้อมูลเอกสารที่ควรแจ้งให้สถานประกอบการทราบได้แก่
1. ชื่อนักเรียน/นักศึกษา
2. ระดับชั้น ปวช.หรือ ปวส.
3. ประเภทวิชา สาขาวิชา สาขางาน
4. ระยะเวลาการฝึก
5. งานที่นำไปฝึก จำนวนวิชาหรือจุดประสงค์ มาตรฐานวิชาและคำอธิบายรายวิชา หรือแผนการฝึก
6. ชื่อครูที่รับผิดชอบการนิเทศหรือผู้ที่สถานประกอบการสามารถจะติดต่อได้ พร้อมเบอร์โทรศัพท์
7. ตารางการนิเทศ
8. การไปรายงานตัววันแรกของการฝึกงาน นักเรียน/นักศึกษาจะต้องไปก่อนเวลาและเตรียมเอกสารทั้งหมดที่ได้รับจากสถานศึกษามอบให้กับสถานประกอบการ ซึ่งสถานประกอบการจะจัดเตรียมผู้รับผิดชอบดูแลนักเรียน/นักศึกษาและปฐมนิเทศให้นักเรียน/นักศึกษา
7.การนิเทศงานวันแรก สถานประกอบการต้องจัดเตรียมผู้รับผิดชอบและควรบอกรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้ให้กับนักเรียน/นักศึกษา
7.1 เวลาทำงาน การเริ่มปฏิบัติงานเพราะแต่ละงานคงมีเวลาเริ่มปฏิบัติงานที่แตกต่างกันเช่น 8.30,9.00ฯลฯ ช่วงพักและเวลาเลิกงาน รวมถึงการลงลายมือชื่อทำงานหรือบางแห่งอาจจะมีเครื่องตอกบัตรเวลาทำงาน ควรแนะนำให้นักเรียน/นักศึกษาทราบ สถานศึกษาบางแห่งอาจจะมีใบลงเวลาทำงานโดยให้ผู้ดูแลเป็นผู้ลงลายมือชื่อกำกับ ซึ่งตรงนี้นักเรียน/นักศึกษามักจะลืมนำไปให้ผู้ควบคุมการฝึก
7.2 แนะนำบุคลากร สถานประกอบการจะต้องยอมสละเวลาในวันแรก ช่วยแนะนำนักเรียน/นักศึกษาให้รู้จักกับบุคลากรที่นักเรียน/นักศึกษาจะต้องเกี่ยวข้องด้วย หรือกรณีที่มีแผนภูมิ บอร์ดการบริหารงานในสำนักงานควรจะให้รู้ว่าใครทำหน้าที่อะไรและแนะนำวิธีการปฏิบัติตนเมื่อพบปะกับบุคคลแต่ละแผนก เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีและมั่นใจให้กับนักเรียน/นักศึกษาที่จะฝึกงาน
7.3 แนะนำสถานที่ พื้นที่งานหรือห้องทำงานที่นักเรียน/นักศึกษาจะเกี่ยวข้องหรือประสานงาน รวมถึงอาคารสถานที่ทั้งหมดหรือบางส่วน สถานที่ทำงานบางแห่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่นักเรียน/นักศึกษา โรงอาหาร ห้องน้ำชาย/หญิง สถานที่บางแห่งที่หวงห้ามสำหรับบุคคลภายนอกหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
7.4 แนะนำงานให้นักเรียน/นักศึกษา งานที่นักเรียน/นักศึกษาจะฝึกได้ครูฝึกควรจะต้องมีการสัมภาษณ์เบื้องต้นว่านักเรียน/นักศึกษามีความรู้พื้นฐานในสาขางานนั้นมากน้อยอย่างไร คงจะไม่ลืมว่านักเรียน/นักศึกษาส่วนใหญ่จะมีความรู้บางส่วน แต่ยังไม่มีทักษะในการปฏิบัติงาน หรือกรณีนักเรียน/นักศึกษาบางส่วนที่นำเอารายวิชามาฝึก จะยังไม่มีความรู้และทักษะในงานนั้น แต่จะมาเรียนรู้ในสถานประกอบการโดยถือว่า สถานประกอบการที่ฝึกเป็นสถานศึกษาแห่งหนึ่งด้วย ในระยะแรกครูฝึกจะต้องให้การดูแลสักพักหนึ่ง เมื่อฝึกแล้วจะต้องติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานว่าจะมอบหมายงานใหม่ให้ต่อไปได้หรือไม่
7.5 การประพฤติและปฏิบัติตนขณะทำงาน สิ่งที่เราได้รับฟังตอบกลับมายังสถานศึกษาและเป็นปัญหาใหญ่ที่สถานศึกษาจะต้องหาทางแก้ไข คือ ความมีวินัย การตรงต่อเวลา กริยามารยาท รวมไปถึงการประพฤติปฏิบัติตนของนักเรียน/นักศึกษา ความไม่พร้อมของนักเรียน/นักศึกษาทั้งระดับปวช.และปวส.ระยะห่างของช่วงวัยระหว่างครูฝึกและนักเรียน/นักศึกษาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สถานประกอบการต้องพิจารณาโดยเฉพาะการเคารพนับถือกัน บางครั้งการนิเทศติดตามให้บ่อยขึ้นอาจจะทำให้ทราบปัญหาที่แท้จริงได้ดังนั้นในวันแรกของการนิเทศในเรื่องนี้ คงจะเป็นหน้าที่ของสถานประกอบการ
8.การบันทึกการฝึกงาน สิ่งที่เป็นความรู้ใหม่หรือทักษะที่เพิ่มขึ้น ต้องบันทึกให้ละเอียด การแนะนำในการบันทึกการฝึกงาน ควรมีการปรับเปลี่ยนสำหรับบางสถานศึกษาที่ให้บันทึกเฉพาะชิ้นงานซ้ำ ๆ รวมถึงการนิเทศของครู ต้องถือว่าเรื่องนี้จะต้องแนะนำให้ถูกต้องเพราะกรณีการนำรายวิชาไปฝึกงาน ครูนิเทศจะเห็นเนื้อในของงานว่าจะสอดคล้องกับงานวิชานั้น ๆ มากน้อยเพียงไร เพื่อจะได้นำข้อมูลนี้มาจัดระบบหรือจัดแผนการเรียนในครั้งต่อไป
ข้อปฏิบัติของนักศึกษาในระหว่างฝึกงาน
1.เวลาในการทำงานควรมาก่อนและกลับทีหลัง มีสัมมาคารวะ การพูดจาควรมีหางเสียง
2.ในการทำงาน เราควรปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ให้ได้ ทำงานให้ทันตามกำหนด
3.การขาดงานหรือการลาไม่ควรเกิน 3-5 วัน และต้องมีใบลาให้กับพี่เลี้ยงหรือโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานหรือพี่เลี้ยง
4.กรณีที่ขาดหรือลามากกว่านั้น เนื่องจากมีเหตุจำเป็น เช่น เป็นนักกีฬา จะต้องมีใบแจ้ง แล้วหาเวลาไปฝึกเพิ่มเติม
5.ระยะเวลาการฝึกงาน บางหน่วยงานอาจมีวันทำงานไม่เหมือนกันเช่น บางหน่วยงานให้ฝึกงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และบางหน่วยงานให้ฝึกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ การฝึกงานจะเริ่มต้นและสิ้นสุดตามกำหนดวันฝึกงานเท่านั้น เช่นโปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์เริ่มฝึกงานตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ก็ต้องมาฝึกจนครบตามกำหนดระยะเวลา
กรณีที่เกิดปัญหาระหว่างฝึกงาน นักศึกษาสามารถปรึกษาอาจารย์ประจำวิชาได้เมื่อฝึกงานแล้วไม่อนุญาตให้ย้ายหน่วยงาน ยกเว้นกรณีถูกลวนลามหรือกรณีที่จำเป็นจริงๆ
การนิเทศนักศึกษา
การนิเทศนักศึกษาแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
1.การไปนิเทศนักศึกษาที่หน่วยงาน มีการสอบถามพี่เลี้ยง/นักศึกษา
2.การนิเทศนักศึกษาทางโทรศัพท์(กรณีอยู่ต่างจังหวัด) มีการสอบถามพี่เลี้ยง/นักศึกษา
•กรณีอาจารย์ไม่ไปนิเทศ ให้หัวหน้าห้องรวบรวมรายชื่อนักศึกษาของแต่ละโปรแกรมส่งที่ศูนย์ฝึกฯกำหนดเวลาการนิเทศอาจารย์ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องภายในระยะเวลาของการฝึกงาน
3.เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกงาน หัวหน้าห้องรวบรวมสมุดคู่มือ ส่งที่อาจารย์ประจำวิชา
ข้อปฏิบัติของอาจารย์นิเทศก์ที่นักศึกษาควรรู้
1.อาจารย์นิเทศก์จะสอบถามข้อมูลของนักศึกษากับพี่เลี้ยงหรืออาจขอดูรายละเอียดที่สมุดคู่มือฝึกประสบการณ์
2.สิ่งที่อาจารย์นิเทศจะถามคือนักศึกษาฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรให้กับหน่วยงานบ้าง ในการทำงานมีปัญหาอะไรบ้างไหมฯลฯ
ขั้นตอนการเตรียมก่อนจะไปฝึกงานจะต้องประพฤติปฏิบัติในวันแรกของการฝึกงาน ดังต่อไปนี้
อย่าไปสาย การเริ่มฝึกงานวันแรก บางหน่วยงานจะจัดผู้รับผิดชอบสำหรับนักเรียน/นักศึกษาที่ฝึกงานไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งในวันนี้จะต้องมีการแนะนำงาน สถานที่ แนะนำบุคลากร การปฏิบัติตนในขณะทำงาน หรือรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ และกรณีที่นักเรียน/นักศึกษา ไปฝึกงานด้วยกัน ซึ่งแต่ละสถานศึกษามักจะส่งรายชื่อให้สถานประกอบการ อย่างน้อย 2คนก็จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการปฐมนิเทศจากผู้รับผิดชอบในเวลาพร้อมเพรียงกันจะทำให้ไม่เสียเวลากับหน่วยงานนั้น ๆ เป็นการสร้างความประทับใจครั้งแรกให้กับสถานประกอบนั้นๆ ไม่ไปตรงเวลา คงจะต้องบอกว่าให้ไปก่อนเวลาปฏิบัติงาน ยิ่งถ้าเป็นงานเอกชน อย่าลืมว่าทุกเวลานาทีของเขาเป็นเงินทองที่ต้องได้ต้องเสีย
พบแผนกบุคคล กรณีที่นักเรียน/นักศึกษาไม่ได้ไปยื่นสมัครขอฝึกงานด้วยตัวเอง แต่สถานศึกษาเป็นผู้ติดต่อให้จำเป็นอย่างยิ่งที่ นักเรียน/นักศึกษาจะต้องถามรายละเอียดเบื้องต้นกับครูผู้ดูแลการฝึกงานว่า จะให้ติดต่อกับใคร เพื่อเตรียมพร้อมก่อนจะไปฝึกงาน หรือกรณีที่ไม่รู้ข้อมูล ก็สามารถติดต่อกับแผนกบุคคลหรือแผนกทรัพยากรมนุษย์ส่วนการฝึกงานต่างจังหวัด ถ้าเป็นหน่วยงานราชการส่วนใหญ่มักจะให้งานประชาสัมพันธ์หรืองานธุรการเป็นผู้รับผิดชอบด่านแรกของหน่วยงานนั้นๆ และถ้าเป็นสถานประกอบการขนาดเล็ก ก็สามารถไปพบเจ้าของสถานประกอบการแห่งนั้นๆ ได้เลย
การสอบถามล่วงหน้าเพื่อจะทำให้สถานประกอบการได้เตรียมตัวหรือรับทราบว่าจะมีเด็กหน้าใสๆ มาร่วมงาน โดยการโทรศัพท์บอกกล่าวว่าเป็นนักเรียน/นักศึกษาที่จะมาฝึกงาน รวมถึงอาจจะสอบถามเพิ่มเติมได้ว่าจะติดต่อกับใครเมื่อไปถึงสถานประกอบการนั้น ๆ หรือกรณีที่ไปติดต่อเอง บุคคลที่สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลและตัดสินใจในวันที่ไปสมัครก็น่าจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบ
อย่าอายที่จะถาม เมื่อไปแล้วไม่พบผู้ที่ได้รับข้อมูลมา ก็คงจะต้องสอบถามให้ได้ อย่าท้อแล้วรีบเปลี่ยนสถานประกอบการไปก่อน เพราะสถานประกอบการ เวลาทำงานอาจจะแตกต่างจากหน่วยงานทั่วไปหรืออาจจะมีงานด่วน งานรีบ งานเร่ง ที่ลืมที่จะให้ใครรับผิดชอบเรื่องนี้
การแต่งกายรวมถึงเสื้อผ้า หน้าผม เครื่องแบบของสถานศึกษาทั้งหญิง/ชาย ควรเป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด นอกเสียจากสถานประกอบการนั้น ๆ มีเครื่องแบบสำหรับนักเรียน/นักศึกษาฝึกงาน มีหลายหน่วยงานจะมีป้ายบอกว่า เป็นนักเรียนฝึกงาน หรือ trainee ติดไว้ คงจะต้องติดไว้ตลอดเสร็จสิ้นระยะเวลาการฝึกงาน อีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ รองเท้าที่นักศึกษาหญิง เมื่อไปฝึกงานระยะแรกจะสวมรองเท้าได้ถูกระเบียบ จากนั้นก็จะลากรองเท้าแตะ แม้ที่ทำงานอนุญาตก็คิดว่า ไม่น่าจะเหมาะสมกับสถานภาพของการฝึกงาน ในทำนองเดียวกับนักศึกษาชายมีความจำเป็นทึ่จะต้องแต่งกายในอยู่ในระเบียบและรัดกุม เครื่องแบบเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานศึกษานั้น ๆ
เอกสารประกอบการฝึก เอกสารต่าง ๆ ได้แก่ หนังสือรายงานตัวการฝึกงาน บันทึกการฝึกงาน (รายละเอียดและประวัติส่วนตัวต่าง ๆ บันทึกให้ครบถ้วน)ยกเว้นผู้ควบคุมดูแลการฝึกที่จะได้รายละเอียดในวันแรกที่ฝึกงาน แบบการประเมิน (ทางด้านพฤติกรรม) อย่าลืมที่จะสอบถามว่าใครจะเป็นผู้ลายมือชื่อกำกับดูแลควบคุมการทำงานแต่ละวัน
พยายามจำชื่อ ในการทำงานวันแรก จะต้องจดจำชื่อ เพื่อนร่วมงานให้ได้ รวมถึงหน้าที่การงาน
อย่าลืมว่า เพื่อนร่วมงาน เปรียบเสมือนครูฝึกของเราเอง ฉะนั้นการปฏิบัติตนกับผู้ร่วมงานต้องมีสัมมาคารวะ และต้องการยอมรับความจริงว่า เราเข้าสู่โลกของการทำงานจริง จะมีสถานการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการนินทา การทะเลาะวิวาท ความไม่พึงพอใจ การอิจฉาริษยา ซึ่งก็ไม่ควรนำเรื่องเหล่านั้นมาเล่าต่อหรือจับกลุ่มนินทาร่วมกันกับคนที่ทำงาน ระยะเวลาที่ พวกเรามาฝึกงานนานที่สุดไม่น่าจะเกิน 1 ภาคเรียน เพราะฉะนั้น ท่องจำคำว่า อดทนให้ได้ แยกแยะให้ได้ว่า สิ่งใดควรจะทำหรือไม่ทำและคิดถึงผลที่จะตามมา และอย่าลืมว่า พวกเรายังมีครูนิเทศ ครูที่ปรึกษาที่จะให้คำแนะนำได้ตลอดเวลา
ยิ้ม หน้าตาคงจะเปลี่ยนแปลงไปได้ยาก แต่การยิ้มเป็นเสน่ห์ที่ทุกคนมีอยู่ในตัว ให้ยิ้มมาจากใจไม่ใช่ฝืน
เตรียมพร้อมที่จะต้องฟังการนิเทศอีกครั้งหนึ่ง สมุด ปากกา เตรียมให้พร้อมที่จะจดหรือบันทึก และต้องนั่งฟังอย่างตั้งใจ เวลาตรงนี้คงไม่มากเท่ากับการปฐมนิเทศจากสถานศึกษา เพราะสถานประกอบการคงต้องใช้เวลาเพื่อการทำงานให้มากที่สุด สถานประกอบการคงจะให้รายละเอียด ข้อพึงปฏิบัติต่าง ๆ
วันแรกของการฝึกงาน จะเป็นวันแห่งความตื่นเต้นของนักเรียน/นักศึกษาฝึกงานทุกคน บ้างประทับใจ กับวันแรกที่ไป บ้างถอดใจกับวันนี้ ก็คงจะต้องบอกว่า สร้างความมั่นใจในตัวเองมากที่สุด การปรับตัว ความอดทน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้
การสมัครงาน
การสมัครงานเหมือนกับการไปเสนอขายสินค้า ซึ่งจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้ดี และการเตรียมตัวก่อนสมัครงานเป็นสิ่งจำเป็น จะต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนจบ การศึกษา ซึ่งในแต่ละปี แต่ละสถาบันจะมีผู้จบการศึกษาทั่วประเทศ รวมกันแล้วประมาณแสน ๆ คน และรวมกับผู้ที่ตกค้างจากปีก่อน ๆ ที่ยังไม่ได้งานทำมี อีกมาก และความเชื่อที่ว่าเรียนเก่งหรือเรียนดีแล้วจะหางานง่ายนั้นอาจจะไม่เป็น จริงเสมอไป ซึ่งในยุคปัจจุบันการรับคนเข้าทำงานในทุกวันนี้จะพิจารณา สิ่งอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น บุคลิกภาพ ความคล่องตัว ความอดทน ความเป็นคนมีปฏิภาณ ไหวพริบ เป็นต้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในการหางาน ทำหรือสมัครงาน จึงเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดี และควรทำ เข้าทำนองที่ว่า “ฟอร์มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ซึ่งการไปหางานหรือการไปสมัครงานเปรียบ เสมือนกับคุณเป็นเซลล์แมน หรือเซลล์วูแมน ที่จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน โดย คุณจำเป็นจะต้องมีเทคนิค วิธีการต่างๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อ สินค้า (นายจ้าง) พร้อมที่อยากจะได้สินค้า (ตัวคุณ) เอาไว้ ถ้าคุณทำได้ โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในการหางานทำมีมาก
ดังนั้นถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ว่า “ตกงาน” ก่อนหางานทำ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้
1. ค้นพบตัวเองให้ชัดเจน
2. ติดตามข่าวสาร
3. การมองหาแหล่งงาน
ซึ่งเมื่อคุณทราบในประเด็นหัวข้อใหญ่ๆ แล้วเรามาดูในแต่ละหัวข้อมีวิธีการเทคนิคอย่างไรบ้าง
1. ค้นพบตัวเองให้ชัดเจน
ทำไม จึงต้องมีการรู้จักตนเอง ก็เพราะการหางานคือการ “ขาย” ตนเองชนิดหนึ่ง เป็นการเสนอขายความรู้ ความ สามารถของตัวเราเองให้แก่บริษัท หรือองค์กรใด องค์กรหนึ่งนั่นเอง ใครขายเก่งหรือมีศิลปะในการขาย สามารถทำให้ผู้ ซื้อเกิดความรู้สึกอยากได้ “สินค้า” ชนิดนี้ก็จะได้งานไปทำ การสมัครงานก็เช่นกัน ถ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าในตัวคุณมีจุดเด่น ความรู้ ความสามารถ หรือพูดง่าย ๆ ว่าคุณเก่งทางด้านไหน และคุณจะไป โน้มน้าว ให้คนอื่นเขามาชื่นชม และต้องการคุณได้อย่างไร
ขั้นตอนแห่งค้นพบตัวเอง
1. การค้นหาทักษะ (Skills)เป็นความสามารถที่ต้องมีและเป็นรากฐานในการทำงานทุกชนิด ไม่มีงานชนิดไหนที่ไม่ต้องใช้ทักษะ โดยทักษะ จะแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ
(1) ทักษะที่เกิดจากการเรียนรู้ เช่น ทักษะในการขับรถ พูดภาษาต่างประเทศ
(2) ทักษะที่ติดตัวที่ติดตัวเรามาและสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ เช่น การวาดรูป ร้องเพลง
(3) ทักษะที่ได้จากสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน โรงเรียน เช่น ทักษะการเข้ากลุ่มเพื่อน ทักษะการเป็นผู้นำ
2. การสำรวจจุดเด่นของตนเองจุด เด่นของคุณมีผลต่อการหางานมากพอๆ กับทักษะ จุดเด่นนี้เป็นลักษณะทางบุคลิกภาพที่ทุกคนมี งานทุกชนิดต้องการคนที่มีบุคลิกบางอย่างที่เด่น เป็นเฉพาะ เช่น งานประชาสัมพันธ์ คุณควรมีบุคลิกภาพที่เขากับคนง่าย รู้จักจัดการเกี่ยวกับคน หรือพนักงานบัญชี คุณก็ควรมีบุคลิกภาพที่ละเอียดรอบคอบ เป็นต้น
3. สำรวจความสัมฤทธิ์ผลทั่วไปความ สัมฤทธิ์ผลนี้คือ เป็นความรู้สึกประทับใจความสำเร็จไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม โดยให้นึกถึงสิ่งที่คุณทำแล้วสำเร็จ และประทับใจเหล่านั้นมาสัก 4-5เรื่อง และเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นผลสัมฤทธิ์ของคุณ และนำมาเขียนเป็นผลสรุปของคุณเก็บไว้เป็นข้อมูลไว้เป็นองค์ประกอบในการสมัคร งาน ด้านหนึ่ง
4. สำรวจความชอบ /ไม่ชอบเป็น ขั้นตอนของการลองกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้งถึงประสบการณ์สมัยอยู่โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย หรือช่วงชีวิตที่ผ่านมามีอะไรที่เกิดขึ้นใน ช่วงเหล่า นั้น ที่คุณชอบและไม่ชอบใจบ้างไหม เช่น คุณอาจจะจำครูที่ดุอย่างขาดเหตุผล คุณแม่ที่เคร่งครัดและเจ้าระเบียบ เพื่อนที่เจ้าอารมณ์ ขอให้จำบุคลิก ลักษณะ ของบุคคลที่คุณไม่ชอบนี้ไว้ด้วย คุณจะได้รู้ว่าบุคคลประเภทใดที่คุณอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข
5. สำรวจขีดจำกัดคน เราทุกคนไม่มีความสมบูรณ์ดีพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทุกคนต้องมีข้อบกพร่อง ซึ่งมันอาจเป็นจุดอ่อนที่ยังแฝงอยู่ในบุคลิกภาพของคุณในปัจจุบัน จุดอ่อนที่จะ เป็นตัวขัดขวางทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยคุณจะต้องพยายามทำความรู้จักกับทุกส่วนของบุคลิกคุณอย่างแท้จริง และนำมา เป็น จุดแก้ไข ปรับปรุง หรือเป็นข้อควรระวัง เพื่อคุณจะไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้
6. สำรวจค่านิยมค่า นิยม คือสิ่งที่เรายึดถือว่า ดี งาม สมควรปฏิบัติ เช่น ค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ความปลอดภัย ความเสียสละ ซึ่งถ้าคุณคิดเพียงว่าแต่ขอ ให้ได้งาน โดยไม่ตระหนักถึงค่านิยมของตัวเองและธรรมชาติของงาน การทำงานนั้นก็จะไม่ได้รับความสุขกับการทำงาน และทำให้ต้องเข้า ๆ ออก ๆ หางาน ใหม่อยู่ ตลอดเวลา ดังนั้น การรู้จักค่านิยมของตัวเองจึงเป็นหัวใจสำคัญอีกด้านหนึ่งในการทำงานเพื่อ ความสุขของชีวิต
7. สำรวจความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลอื่นการ ทำงานทุกชนิดต้องสัมพันธ์กับคน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละตำแหน่งงาน ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องเข้าใจคือ เราต้องอยู่กับคนไปตลอดชีวิต การ เข้าใจความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกัน และทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
8. สำรวจสิ่งแวดล้อมในการทำงานสิ่ง แวดล้อมในการทำงานที่นี้ก็คือ สถานที่ตั้งของหน่วยงาน เช่น ใกล้ - ไกล การคมนาคม ต่างจังหวัด หรือกรุงเทพฯ สภาพมลภาวะต่างๆ ลักษณะงาน ซึ่งคุณจะต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะปรับความต้องการให้เข้ากับสิ่งที่คุณได้ ตามสมควร
9. ความต้องการเกี่ยวกับเงินเดือนไม่ ว่าตัวผู้สมัครงานจะมีประสบการณ์หรือไม่มีประสบการณ์ก็ตาม การเรียกร้องเงินเดือนเท่าใดนั้น คุณควรจะต้องไปทำการค้นคว้าว่าโดยทั่ว ๆ ไป บุคคลที่จบการศึกษาระดับเดียวกันกับคุณหรือผู้ที่ทางบริษัทที่รับเข้ามาใน ตำแหน่งที่คล้ายกับที่คุณสมัครนั้นเขาได้รับเงินเดือนประมาณเท่าใด ซึ่งส่วนใหญ่ ถ้าเป็นงานราชการเงินเดือนจะต้องเป็นไปตามวุฒิที่ทางการกำหนด ไม่มีการต่อรอง แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจอาจมีอัตราการจ่ายเงินที่ต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาด ความมั่นคงของบริษัท และระบบการบริหารของบริษัท
2. การติดตามข่าวสาร
สิ่ง ที่คนหางานจะต้องตระหนักก่อนสิ่งอื่นใดก็คือ คุณจะต้องมีความกระตือรือร้นขวนขวายหา ข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลา ของการโฆษณารับสมัครงานของแต่ละองค์กรล้วนมีระยะเวลาจำกัด บางองค์กรก็จะระบุวันหมด เขตรับสมัครเอาไว้ ทำให้เมื่อวันเวลาผ่านไปโอกาสในการ สมัครงานแล้วได้รับการคัดเลือกไปสัมภาษณ์ย่อมน้อยลงด้วย เนื่องจากในแต่ละปีมีบัณฑิตจบใหม่จากสถานศึกษา ที่ผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ คุณจึงต้องขวนขวายที่จะหาข้อมูลข่าวสารการรับสมัครงานให้มากที่สุด
เมื่อคุณได้ข่าวสารการรับสมัครงานและคุณสมบัติครบถ้วนที่ จะสมัครได้ รวมทั้งคุณพอใจที่จะ ทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ คุณก็ควรจะสมัครให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องรีรอทั้ง ๆ ที่คุณ มีความพร้อมในเรื่องเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการสมัครงานตามที่ระบุไว้ ตรงกันข้ามกลับ เป็นผล ดีกับตัวคุณเสียอีก เพราะองค์กรที่รับ สมัครงานจะเห็นความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น และความต้องการ ทำงานของคุณอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้รับ สมัครพึงพอใจที่คุณให้ความสนใจกับองค์กรนั้นมากกว่าผู้สมัคร รายอื่น ๆ ที่รอจนเกือบ หมดเขตรับสมัครแล้ว จึงค่อยไปสมัคร นอกจากนั้น การส่งใบสมัคร ไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้คุณมีข้อได้เปรียบกว่าคนอื่นในกรณีที่คุณส่งใบสมัครไปทางไปรษณีย์แล้ว เกิดความล่าช้าก็อาจเป็นไปได้ว่า ใบสมัครงานหรือจดหมาย สมัครงาน ของคุณไปถึงที่หมายภายหลังหมดเขครับสมัครงาน โอกาสที่คุณจะได้งานก็จะลดลงตามไปด้วย
3. มองหาแหล่งงาน
โดย ทั่ว ๆ ไป หนทางที่จะเริ่มมองหาแหล่งงานได้นั้นมีหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดที่สื่อมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงนี้ไม่ใช่เรื่อง ยากเลย ที่คุณจะ หาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับองค์กรที่เปิดรับสมัครงาน ซึ่งคุณอาจจะเลือกดูได้จากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ
1. สื่อสิ่งพิมพ์
สื่อ สิ่งพิมพ์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ เป็นสื่อที่คนต้องการหางานทำมักจะมองหาเป็นอันดับแรกโดยสื่อดังกล่าวอาจจะมา ในรูปของนิตยสาร รายสัปดาห์ที่ลงข่าวสารเกี่ยวกับการรับสมัครงานโดยเฉพาะ เช่น นิตยสารงานวันนี้ Smart Job หางานหาง่าย หรือมาในรูปของหนังสือพิมพ์ที่ลงโฆษณา รับสมัครงานโดยเฉพาะ เช่น หนังสือพิมพ์แหล่งงาน งานทั่วไทย นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบของ Section Classified ที่แทรกอยู่ในหนังสือพิมพ์รายวัน เช่น โลกวันนี้ The Nation Bangkok Post เป็นต้น โดยสื่อเหล่านี้จะมีข่าวสารเกี่ยวกับการ เปิดรับสมัครงานใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งนอกจากโฆษณา รับสมัครงานแล้ว ยังมีบทความต่างๆ ที่ให้ความรู้เกี่ยวข้องกับการสมัครงานที่น่าสนใจอีกด้วย เรียกว่าถ้าคุณต้อง การหางานล่ะก็ สื่อสิ่งพิมพ์มีประโยชน์ต่อ คุณมากทีเดียว
2. สื่ออินเตอร์เน็ต
ในโลกยุค ปัจจุบัน สื่ออินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการหางาน โดยผู้สมัครงานสามารถเข้าไปค้นหาตำแหน่งงานที่ ต้องการได้ จากเว็บไซต์หางานต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย นอกจากจะได้ปริมาณตำแหน่งงานที่มากแล้ว เว็บไซต์เหล่านี้ยังให้ประโยชน์ในเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น มีบทความเกี่ยว กับเทคนิคการ สมัครงาน มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนใบสมัคร และ Resume แถมยังส่งใบสมัครและ Resume ไปให้กับองค์กรทางอีเมล์ได้ทันทีอีก ด้วย นับว่าเป็นวิธีการที่สะดวกและได้ผลดีไม่แพ้วิธีกา รอื่นเลย แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างว่าในประเทศไทยนั้น สื่ออินเตอร์เน็ตยังไม่ใช่สื่อหลักที่ใช้กันอย่างแพร ่หลาย การสมัครงานทางเว็บไซต์นั้นจึงมีข้อจำกัดที่ว่าข้อมูลของคุณอาจไปไม่ถึง ผู้รับสมัคร เพราะว่าบางบริษัทแม้ว่าจะลงรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต แต่อาจ จะไม่ได้นำข้อมูลของผู้ที่สมัครงานทางอินเตอร์เน็ตมาพิจารณา หรือบางครั้งก็มีความผิดพลาดทางเทคนิค ทำให้ใบสมัคร ของคุณไม่สามารถส่งไปถึงผู้รับ ปลายทางได้ แต่อย่างไรก็ดี สื่ออินเตอร์เน็ตก็ถือเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างมากในยุคปัจจุบัน เราจึงได้รวบรวมเว็บไซด์เหล่านั้นไว้ให้คุณเพื่อเป็นอีกช่องทาง ในการสมัครงานของคุณ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

หลักสูตรปริญญาตรี 2 ปีต่อเนื่อง คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

โปรแกรมวิชาการบริหารธุรกิจ แขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ระดับปริญญาตรี (หลังอนุปริญญา)
ชื่อหลักสูตร หลักสูตรโปรแกรมวิชาการบริหารธุรกิจ
แขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
Bachelor of Business Administration Program in Business Computer
ชื่อปริญญา
ชื่อเต็ม : ปริญญาการบริหารธุรกิจบัณฑิต (คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)
Bachelor of Business Administration (Business Computer)
ชื่อย่อ : บธ.บ. (คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)
B.B.A. (Business Computer)
จุดประสงค์เฉพาะ
1. เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารธุรกิจระดับวิชาชีพ (Professional)ในวิชาบริหารธุรกิจเฉพาะทาง ในวิชาการด้าน ต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจและสังคม สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจ ดำเนินธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
3. เพื่อผลิตบุคลากรที่สามารถติดตามและปรับตัวให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีฯ และการบริหารธุรกิจในงานอาชีพ
4. เพื่อผลิตบุคลากรที่มีเจตคติและค่านิยมในการประกอบอาชีพอิสระอย่างมีคุณภาพ จริยธรรม และปัญญาธรรม
คุณสมบัติเฉพาะโปรแกรมวิชา
โครงสร้างหลักสูตร
มีหน่วยกิตการเรียนตลอดหลักสูตรในแขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจไม่น้อยกว่า 73 หน่วยกิต และมีสัดส่วนหน่วยกิต แต่ละหมวดวิชาและแต่ละกลุ่มวิชา ดังนี้
1. หมวดวิชาการศึกษาทั่วไป 18 หน่วยกิต
2. หมวดวิชาเฉพาะด้าน 49 หน่วยกิต
3. หมวดเลือกเสรี ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
รายวิชาในหมวดวิชาเฉพาะ
1. กลุ่มวิชาเนื้อหา 35 หน่วยกิต
1.1บังคับ เรียน 24 หน่วยกิต
ที่ รหัสวิชา รายชื่อวิชา หน่วยกิต
1 1551606 ภาษาอังกฤษธุรกิจ 2 3(3-0)
2 3503901 การวิจัยทางธุรกิจ 3(2-2)
3 3504101 จริธรรมทางธุรกิจ 3(3-0)
4 3564201 การจัดการเชิงกลยุทธ์ 3(3-0)
5 3593301 การวิเคราะห์เชิงปริมาณ 3(3-0)
6 3503201 การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
7 4122502 การวิเคราะห์และออกแบบระบบ 1 3(2-2)
8 4121202 การเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ 1 3(2-2)
1.2 เลือกเรียน ให้เลือกเรียนรายวิชาต่อไปนี้ไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
ที่ รหัสวิชา รายชื่อวิชา หน่วยกิต
1 3503202 การจัดการงานเลขานุการและธุรการด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
2 3503203 การประมวลผลการวิจัยทางธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
3 3504201 การจัดการของคงคลังด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
4 3504202 การวางระบบบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
5 3562104 การจัดการธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
6 35694908 การสัมมนาคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
7 4091606 คณิตศาสตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ 3(3-0)
8 4121103 การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และอัลกอริทึ่ม 3(2-2)
9 4121202 การเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ 1 3(2-2)
10 4121301 โปรแกรมภาษาเบสิก 3(2-2)
11 4121302 โปรแกรมภาษาโคบอล 1 3(2-2)
12 4122201 ฐานข้อมูลเบื้องต้น 3(2-2)
13 4122202 โครงสร้างข้อมูล 3(2-2)
14 4122203 การประมวลผลแฟ้มข้อมูล 3(2-2)
15 4122401 ภาษาคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
16 4122602 โปรแกรมประยุกต์ด้านการจัดการสำนักงานอัตโนมัติ 3(2-2)
17 4122603 คอมพิวเตอร์กราฟิก 3(2-2)
18 4122606 โปรแกรมประยุกต์ด้านระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร 3(2-2)
19 4122701 ระบบคอมพิวเตอร์และสถาปัตยกรรม 3(2-2)
20 4123601 โปรแกรมประยุกต์ด้านสถิติและวิจัย 1 3(2-2)
21 4123603 โปรแกรมประยุกต์ด้านการเงินและการบัญชี 3(2-2)
22 4123604 โปรแกรมประยุกต์ด้านการควบคุมสินค้า 3(2-2)
23 4123605 โปรแกรมประยุกต์ด้านงานทะเบียนบุคคลและการจ่ายเงินเดือน 3(2-2)
24 4123607 การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ 3(2-2)
25 4123611 การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านการธนาคาร 3(2-2)
26 4123612 คอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3(2-2)
27 4123613 คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ 3(2-2)
28 4123615 โปรแกรมประยุกต์ด้านงานธุรการ 3(2-2)
29 4123619 การประยุกต์ใช้มัลติมีเดีย 3(2-2)
30 4123702 ระบบการสื่อสารข้อมูล 3(2-2)
31 4123903 หัวข้อพิเศษเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3(2-2)
32 4124501 ปัญญาประดิษฐ์ 3(2-2)
ข้อกำหนดเฉพาะ
1) ในกรณีเคยเรียนรายวิชาบังคับในระดับอนุปริญญาตามหลักสูตรของสถาบันราชภัฏแล้วให้เลือกเรียนรายวิชาเลือกในแขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ตาม 12 แทน
2) ผู้ที่ไม่เคยเรียนรายวิชาต่อไปนี้
ที่ รหัสวิชา รายชื่อวิชา
1 3592101 เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1
2 3592102 เศรษฐศาสตร์มหภาค 1
3 3521101 การบัญชี 1
4 3521102 การบัญชี 2
5 4112105 สถิติธุรกิจ
6 3531101 การเงินธุรกิจ
7 3541101 หลักการตลาด
ให้เรียนโดยไม่นับหน่วยกิตรวม ในเกณฑ์การสำเร็จการศึกษา
3) สำหรับผู้ที่เคยสอบได้รายวิชาที่มีเนื้อหาเทียบเท่าหรือเคยสอบได้รายวิชาที่สูงกว่ารายวิชาที่กำหนดไว้ใน ข้อ 2) มาแล้วในระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่าให้ยกเว้นไม่ต้องเรียน
2.กลุ่มวิชาวิทยาการจัดการ
บังคับ เรียน 9 หน่วยกิต
ที่ รหัสวิชา รายชื่อวิชา หน่วยกิต
1 3524301 การบัญชีเพื่อการจัดการ 3(3-0)
2 3543101 การบริหารการตลาด 3(3-0)
3 3562307 การบริหารการผลิต 3(3-0)
ข้อกำหนดเฉพาะ
1) ผู้ที่เรียนแขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจในระดับปริญญาตรี(หลังอนุปริญญา)ต้องผ่านการศึกษารายวิชาคอมพิวเตอร์ไม่น้อยกว่า 15 หน่วยกิต
2) ผู้ที่ไม่เคยเรียนรายวิชา 3561101องค์การและการจัดการ และ 3532202 การภาษีอากรธุรกิจ ให้เรียนโดยไม่นับหน่วยกิตรวมในเกณฑ์การสำเร็จการศึกษา
3)สำหรับผู้ที่เคยสอบได้รายวิชาที่มีเนื้อหาเทียบเท่าหรือเคยสอบได้รายวิชาที่สูงกว่ารายวิชาที่กำหนดไว้ในข้อ 2) มาแล้วในระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่าให้ยกเว้นไม่ต้องเรียน
4) กรณีที่เคยเรียนรายวิชาบังคับของกลุ่มวิทยาการจัดการมาแล้วในระดับอนุปริญญา ให้เลือกเรียนรายวิชาเลือกในแขนงวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่กำหนดไว้ใน 1.2 แทน
3.กลุ่มวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์และฝึกประสบการณ์วิชาชีพ 5 หน่วยกิต
ที่ รหัสวิชา รายชื่อวิชา หน่วยกิต
1 3503811 การเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 2 2(0-90)
2 3504808 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 2 3(0-210)
หมวดวิชาเลือกเสรี 6 หน่วยกิต
ให้เลือกเรียนรายวิชาใด ๆ ในหลักสูตรมหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยไม่ซ้ำกับรายวิชาที่เคยเรียนมาแล้ว และต้องไม่เป็นรายวิชาที่กำหนดให้เรียนโดยไม่นับหน่วยกิตรวมเป็นเกณฑ์ในการสำเร็จหลักสูตรของโปรแกรมวิชานี้

การทำจดหมายเวียน